ถอนเงินผู้ตายธนาคารจะออกกฏยุ่งยากอะไรขนาดนี้
พ่อจากไปปีกว่าแล้ว อินนาลิลลาฮ์ วะอินนาอิลัยฮิรอญีอูน แต่เงินพ่อในบัญชีธนาคารออมสิน 2,000 บาท ยังถอนออกมาไม่ได้ตั้งแต่ COVID-19 รอบที่แล้วจนถึงโควิดรอบนี้ไปทำเรื่องเมื่อวานยังไม่ได้อีกตามเคย ธนาคารจะออกกฏให้มันยุ่งยากลำบากมากมายทำไมก็ไม่รู้
### อัพเดดข้อมูล ปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว ###
วันนี้มาอัพเดดว่าได้ทำการปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว เป็นการรับมรดก
เหงื่อตกว่าจะได้เงิน
สรุปว่า :
เดินทางไปธนาคาร 4 ครั้ง (วันแรก 2 ครั้ง เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง)
เสียเวลาเดินทางจาก กทม. 3 ครั้ง คิดค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ครั้งละ 2,000 บาท นั่งรถทัวร์ไปกลับและค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง ก็เสียบไป 6,000 บาท
ลางานไป 3 วัน (ถ้าคนได้เงินเดือนรายวันซวยเลย รายได้หายไปอีก 3 วัน)
เบิกเงิน 2,000 บาท แต่เสียไปเยอะกว่าเงินที่จะเบิกอีก ถามว่าคุ้มไม่ ไม่ต้องพูดถึง ที่ดันด้นเบิกเพราะเจ็บใจกับกฏ
แนะนำให้ทำผู้จัดการมรดกเสียตั้งแต่เนิน ๆ จะดีที่สุด เสียเงินพอ ๆ แต่ไม่ต้องขึ้นลง ๆ หลายรอบ (เหตุผลที่ผมไม่ได้ทำ อ่านได้จากความเดิมตอนที่แล้ว ผมอยากทำนะแต่สถานกาณ์พาไป)
ทำผู้จัดการมรดกไม่ต้องมีคนค้ำประกัน แต่ถ้ามีแค่หนังสือรับรองจากอำเภอ ยังไงก็ต้องมีคนค้ำ เพราะธนาคารไม่ยอมปล่อย ยืนหนึ่งว่าต้องมีคนค้ำ ไม่มีคนค้ำไม่ให้ปิดบัญชี
ที่เข้าใจน่าจะเกี่ยวกับรับมรดกอะไรประมาณนี้ (แต่ก็แหม่เนอะ เงินเป็นหมื่นเป็นแสนก็ว่าไป)
*** อ่อ คนค้ำต้องพาสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรข้าราชการ ไปด้วยนะครับ ***
*** ขอบ่นอีกน่อย ***
วันนั้นผมลืมบอกเพื่อน ก็เลยลำบากต้องไปคัดลอกสำเนาทะเบียนบ้านที่เทศบาลอีก ไม่เข้าใจเนอะเอาเอกสารอะไรมากมาย
กลัวโดนผมโกงหรือไงไม่รู้ เอกสารที่ผมยื่นก็เอกสารจริง ถ้ามีคนมาแอบอ้างเป็นทายาทแล้วหาว่าผมโกง ผมไม่เชื่อว่าธนาคารจะหาตัวผมไม่เจอ
หรือจะไปจัดการคนค้ำแทน ธนาคารก็เลยเอาหมดทั้งสำเนาบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านคนค้ำและหนังสือค้ำที่ต้องวางทรัพย์สินไว้จำนวนหนึ่งซึ่งเยอะพอสมควร เฮ้อออปวดหัวจริงๆ
**** ธนาคารธ.ก.ส. ผมไปเบิกเงินหลักหมื่น ต้องมีคนค้ำ ผมก็เข้าใจ แต่เอาเอกสารแค่สำเนาบัตรข้าราชการ ไม่เอาสำเนาทะเบียนบ้านนะ ที่นั่นไปทำธุรกรรมเสร็จก่อนไปออมสิน ****
*** คนค้ำคนเดิมบังเอิญวันนั้นมาประชุมในเมืองพอดีช่วงพักเที่ยงก็เลยขอมาช่วยค้ำประกันที่ ธกส ได้ ***
หรือใครที่ได้อ่านบทความนี้ก็เตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อนไปทำธุรกรรมกับธนาคารจะดีมาก ๆ จะได้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากเหมือนผม
นึกถึงตาสีตาสา คนอยู่เกาะหรืออยู่ไกล ๆ ข้ามน้ำข้ามทะเล อุตสาห์เข้าเมืองแต่ละทีดันมาเจอกฏข้อนี้ไปผมนึกไม่ออกว่าเขาจะมาทำจนเสร็จไหมในเมื่อเสียค่าใช้จ่ายเยอะกว่าเงินที่จะเบิกซะอีก
แล้วสุดท้ายเงินก็คงอยู่ในธนาคารไม่มีใครอยากเบิก
ต้องขอบคุณเพื่อนผมจริง ๆ ที่ยอมมาค้ำประกันให้ผม พอดีเพื่อนเป็นครู แล้ววันที่มาค้ำเป็นช่วงปิดเทอม มีธุระเข้าเมืองพอดีเลยโทรหาผมบอกว่าถ้าวันนี้ผมมาธนาคารได้ เขาจะค้ำประกันให้
ผมนี้รีบลางานแบบอีเมอร์เลย ทันทีทันด่วน เพราะหากพลาดโอกาสนี้ไม่รู้เมื่อไหร่จะทำเรื่องนี้เสร็จ รีบลางานบึ่งไปธนาคารเลย เพราะธนาคารไม่ได้อยู่ในห้าง ต้องทำในวันเวลาซึ่งตรงกับเวลาราชการ
เพื่อนก็มาจากอีกอำเภอยอมมาช่วยค้ำประกันให้ ขอเอ่ยชื่อหน่อยละกัน อับดุลกาหรีม รอเกต ซึ่งในน้ำใจจริง ๆ ยอมรอจนทำธุรกรรมเสร็จและอยู่ต่อช่วยผมทั้งประกันสังคมและอื่น ๆ ในวันนั้น เพราะถ้ามีอะไรจะต้องค้ำอีกเขายินดีช่วย ขับรถไปส่งบ้านไปรับเอกสารและไปทำธุระในเมืองจนเสร็จ นี่ถ้าเพื่อนไม่ปิดเทอมก็คงจะไม่ได้มาช่วยหรือต้องรอโอกาสเหมาะๆ จริงๆ
################################### ความเดิมตอนที่แล้ว ########################################
เงินก็ไม่เยอะอะไรมากมายแค่ 2,000 บาท ต้องหาคนค้ำประกันอีก ที่พีกสุด ๆ คนค้ำต้องเป็นข้าราชการเท่านั้น บ้าไปแล้ว ออกกฏอะไรไม่สนใจลูกค้าเอาเสียเลย ถ้าเงินเยอะก็ว่าไปต้องมีคนค้ำเข้าใจได้อยู่
เงินนิดหน่อยแบบนี้แหละถ้ามีเคสแบบนี้หลาย ๆ เคส ถอนเงินออกมาไม่ได้ ใครได้ประโยชน์ ธนาคารล้วนๆ ที่ได้ประโยชน์
ธนาคารออมสิน Government Savings Bank
สมุดฝากเงินออมสิน ประเภทเผื่อเรียก Savings Deposit Passbook
สมมุติมีเคสแบบนี้สัก 100 ราย
2,000 x 100 ราย = 200,000 บาท เยอะอยู่นะที่ธนาคารได้ประโยชน์เต็ม ๆๆๆๆๆ
เท่าที่ลองค้นหาข้อมูลก็มีคนเจอลักษณะแบบนี้หลายรายอยู่นะ
ตอนเปิดบัญชีก็ง่ายเนอะแต่พอถอนออกโครตยากยิ่งกว่ายากจะบอกให้
เข้าใจถึงความรอบคอบของธนาคารที่จะเซฟตัวเอง แต่คุณควรมองดูลูกค้าบ้างไหม เงินเยอะขนาดไหนควรค้ำ เงินขนาดไหนควรอะลุ่ม อล่วยกันบ้าง
ธนาคารสนใจแต่ตัวเองแต่ไม่เคยสนใจลูกค้าแบบนี้มันก็ไม่แฟร์นะผมว่า บางคนจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ พวกคุณไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือ
สงสารคนอืน ๆ ที่ต้องมาเจอสถานการณ์กับกฎบ้าบออะไรแบบนี้ ถ้าครอบครัวไหนลำบากหวังพึ่งเงินก้อนสุดท้ายของพ่อในบัญชีที่มีเพื่อมาประทังชีวิตนี่ คงน่าสงสารน่าดู
ก็มีคำแนะนำให้ไปทำเรื่องผู้จัดการมรดกจะจัดการอะไรต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ตอนแรกก็จะไปทำเรื่องแล้วแต่ทางทนายบอกไม่จำเป็นเพราะเราไม่มีอะไรที่ต้องจัดการต่ออีก แค่เงินในธนาคารบัญชีเดียว
เงินในธนาคาร 2,000 บาท ถ้าไปทำเรื่องผู้จัดการมรดก ค่าใช้จ่าย 5,000 – 10,000 บาท มันคุ้มไหม คือว่าผมต้องยอมเสียงเงิน 5,000 บาทเพื่อแลกกับเงิน 2,000 บาทเนียะนะ
แต่ถ้าไม่ถอนก็อย่างที่บอกธนาคารได้ประโยชน์เต็ม ๆ ส่วนเราก็ได้แต่นั่งมองด้วยความเจ็บใจ เอาออกมาไม่ได้
ไอที่ติดใจสุด ๆ คนค้ำต้องเป็นข้าราชการ ผมอยากรู้จริง ๆ คนไหนที่ออกกฏข้อนี้มาทำให้ลูกค้าหลายรายต้องลำบากยุ่งยากขนาดนี้
รู้ด้วยนะว่าคนค้ำเป็นข้าราชการ แต่ยังดื้อด้านให้นำเขามาเซ็นค้ำประกันในเวลาราชการ แล้วคนค้ำไม่ต้องทำงานกันหรือครับคร๊าาาาาาาบ ต้องลางานในเวลาราชการมาเซ็นค้ำประกัน แล้วไม่ใช่ว่าใช้เวลาแค่ 5 – 10 นาทีซะหน่อย คุณเอาอะไรคิดที่ออกกฏนี้ คนที่ไม่ใช่ข้าราชการมันค้ำประกันไม่ได้เลยหรือผมงงจริงๆ งงมาก ๆ งงในดงงงงเอามาก ๆ (ขอบ่นหน่อยกับระบบแบบนี้)
เดี๋ยวมาบ่นต่อ มียาว ๆ บนคนเดียวแม้ไม่มีใครอ่านก็ตาม บ่นให้ Google รับฟัง เผื่อจะไปถึงหูพวกออกกฏบ้าบอแบบนี้ได้คิดถึงความลำบากของลูกค้าบ้าง
รายการล่าสุด 31/12/2562 ให้ธนาคารอัพเดดสมุดเงินฝาก มีเงินสองพันกว่าบาท
จากวันนั้นจนถึงวันนี้จะสิ้นปีอีกแล้ว เงินก็ยังอยู่ดีในบัญชี เพราะเอาออกยังไม่ได้
เงินไม่เยอะหรอก แค่ติดใจกฏของธนาคารที่ต้องให้ข้าราชการเท่านั้น มาค้ำประกัน
หลังพบสมุดเงินฝากของพ่อ
- 31/12/2562 ไปธนาคารเพื่อสอบถามและปรับสมุดบัญชีเงินฝาก (ช่วงเช้า)
- ธนาคารแจ้งให้ทราบว่าต้องนำเอกสารอะไรมาบ้าง หลังดูสมุดเงินฝากแล้ว ยอดเงินไม่เยอะ คงไม่ต้องมีคนค้ำประกัน (พนักงานผู้ชาย)
- ธนาคารแนะนำให้ไปทำเรื่องผู้จัดการมรดกจะได้ง่ายต่อการดำเนินการในทุก ๆ เรื่อง
- ไปที่ศาลเพื่อติดต่อเรื่องผู้จัดการมรดก
- เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปติดต่อสำนักงานอัยการคดีเยาชนและครอบครัว (เพราะถ้าให้ทางนี้จัดการเรื่องจะเสร็จเร็วกว่าเราดำเนินการเอง)
- เข้าพบอัยการหรือทนายผมจำไม่ได้ อธิบายเรื่องราวทั้งหมด (ผมขอเข้าใจว่าพบอัยการไว้ก่อนนะครับ)
- ทางอัยการแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องผู้จัดการมรดก เพราะผมเป็นลูกคนเดียวและไม่มีทรัพย์สินอะไรจะให้จัดการมากมาย
- กลับไปที่ธนาคาร (ช่วงบ่าย) พบพนักงานธนาคารผู้ชายคนเดิม และบอกเล่าเรื่องที่ได้ไปพบอัยการ
- ทางพนักงานธนาคารแนะนำให้ไปทำเรื่องสืบสวนทายาทที่อำเภอก่อน ได้หนังสือรับรองแล้วค่อยมาทำเรื่องเบิกเงิน
- ไปอำเภอเพื่อทำเรื่องสืบสวนทายาท อำเภอรับเรื่อง แต่หนังสือไม่ได้วันนั้นนะ ต้องแปะประกาศอย่างน้อย 1 เดือน หากไม่มีใครมาคัดค้านก็จะออกหนังสือรับรองให้ หมดไป 1 วันพร้อมวันลาพักร้อน (ร้อนจริง ๆ แทบไม่ได้พัก)
- เดินทางกลับกรุงเทพ รอหนังสือรับจากอำเภอ แถมติดสถานะการณ์โควิด-19 รอไปยาว ๆ
- หลังได้กลับบ้าน ไปรับหนังสือรับรองที่อำเภอ
- ไปธนาคารพร้อมเอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว (ในใจคิดว่าได้เบิกเงินละ จบ ๆ กันสักที ใช้วันลาพัก 2 วันแล้วกับเบิกเงิน 2,000 บาท)
- พอจะทำเรื่องเบิก พนักงานสาวสวยของธนาคารตรวจเช็คเอกสารทุกอย่างพร้อมครบถ้วน แล้วหันมาถาม ไหนคนค้ำประกัน (ผมและภรรยาก็ตกใจซิครับ ต้องใช้คนค้ำประกันด้วยหรือครับ)
- สรุป พนักงานสาวสวยไม่ยอมให้เบิก บอกว่ายังไงก็ต้องไปเอาคนค้ำประกันมา และต้องเป็นข้าราชการเท่านั้น (พูดประมาณว่า ฉันทำเรื่องพวกนี้มานานหลายปีแล้ว ขั้นตอนต้องเป็นแบบนี้)
- ยังบอกอีกประมาณว่า คุณต้องรีบมาเช้า ๆ นะ ธนาคารเปิดต้องได้คิวแล้ว ไม่งั้นคนเยอะแล้วจะต้องรอนาน คนค้ำอาจจะอยู่กับคุณนานไม่ได้
- ผมนี้อืมมมมนึกในใจ คุณก็รู้นี้ว่าคนค้ำเขาก็ต้องไปทำงาน แล้วจะให้มารอค้ำประกันในเวลาราชการที่เค้าเองก็ต้องทำงานเนี๊ยนะ กฏบ้าบ้ออะไรที่ต้องเลือกเฉพาะข้าราชการ
- สรุปอีกที ไม่ได้ถอนเงิน หมดไปอีกวัน ต้องรอโอกาสกลับจากรุงเทพและต้องลางานอีกวันเพื่อมาทำเรื่องเบิกเงิน 2,000 บาท
- ผมโทรสอบถามคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารออมสินและแจ้งความประสงค์ว่าจะถอนเงินพ่อที่เสียชีวิตแล้วออกจากบัญชี
- คอลเซ็นเตอร์แจ้งว่า คนค้ำประกันไม่ได้เป็นกฏแต่เป็นดุลยพินิจของแต่ละสาขา อ้าวววสรุป มันคืออะไร
- ผมยังถามอีกว่าแล้วอย่างนี้ไปเบิกที่สาขาอื่นได้ไหม ผมไม่สะดวกที่สาขานี้ เพราะทางสาขายืนยันว่าจะต้องมีคนค้ำประกัน
- คอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าสามารถไปทำเรื่องที่สาขาไหนก็ได้
- ผมต้องขึ้นกรุงเทพจึงนำเอกสารทั้งหมดไปทำเรื่องต่อที่กรุงเทพ
- ไปติดต่อธนาคารออมสิน สาขาหนึ่ง ที่กรุงเทพ ขอเบิกเงินพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว
- พนักงานสาวสวย แจ้งว่า ไม่สามารถทำเรื่องได้ ต้องกลับไปทำเรื่องที่ต้นสาขาที่พ่อเปิดบัญชีเท่านั้น (เอ้าแล้วววววววววกรู………. แค่ค่าเดินทางกลับก็หมดละ 2,000 ไหนต้องลางานอีก)
- พนักงานยังแจ้งว่ามันเป็นกฏของธนาคารต้องนำคนค้ำประกันไปด้วยและต้องเป็นข้าราชการเท่านั้น (แทงใจกรูอีกแล้ว นี่ต้องหาคนค้ำประกันให้ได้ก่อนนัดกันดี ๆ และกรูต้องเสียวันลาพักร้อนไปอีก 1 วันแน่ๆ)
คือเข้าใจนะว่าพนักงานธนาคารพยายามปกป้องตัวเองและธนาคารจากความผิดพลาด แต่ถามหน่อยเถอะถ้ามีเงินในบัญชี 100 200 300 ก็คือต้องหาคนค้ำประกันที่เป็นข้าราชการเท่านั้นใช่ไหม
ไม่มีอะลุ่ม อล่วยกันเลยใช่ไหม นี่ผมจะต้องเสียวันลาพักร้อนอย่างน้อย ๆ 3 วันกับเบิกเงิน 2,000 บาท และ คนค้ำประกันก็อาจจะต้องพลอยมาลางานเพื่อมาค้ำประกัน
วันลาพักร้อนเสียไปคิดเป็นค่าจ้างรายวันที่ผมได้รับก็น่าจะเกิน 2,000 บาท
ไหนจะค่าเดินทางไปกลับกรุงเทพต่างจังหวัดรอบละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท
สรุปแม่งจะเบิกเงินในบัญชี 2,000 บาทได้ต้องเสียมากกว่าจะได้รับเสียอีก มันน่าเจ็บใจไหมหละ จะไม่ถอนออกก็ช้ำใจ ช้ำใจกับกฏคนค้ำประกันจริงๆ
แล้วทำไมไม่ทำเรื่องผู้จัดการมรดกตั้งแต่แรกหละ (ไล่กลับไปอ่านใหม่ ผมจะทำแล้ว พบอัยการแล้วด้วย ซึ่งตอนนั้นไม่จำเป็น)
และอีกอย่าง ค่าดำเนินการ 5,000 บาทอัพ
ใครจะไปรู้ว่าทำไปทำมาธนาคารเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าซะอีก
ไม่แฟร์กับลูกค้าจริง ๆ ที่จะเบิกเงินแค่ 2,000 บาท กลับต้องควักเงินไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทไปแลกมา นี่ผมพูดถึงคนอื่น ๆ ด้วยนะที่เจอสถาณการณ์เดียวกัน
ผมเชื่อว่ามีและอาจจะมีเยอะด้วย ทางธนาคารควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว อย่าเอาแต่ปกป้องตัวเองจนไม่สนใจความยากลำบากของลูกค้าที่ต้องพบเจอ